วันนี้ แม่หมอสาวคุยข่าวหุ้น จะพาเพื่อนๆมาเรียนรู้การวิเคราะห์ทางเทคนิค หลังจากที่เรารู้เรื่องแนวโน้มหุ้นกันแล้ว ..... วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่(MA) หรือ Moving Average ซึ่งเป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้กันแพร่หลายจากการที่ใช้ง่ายและสามารถใช้ประกอบกับเครื่องมืออื่นได้ โดยเฉพาะ เราจะนำ MA มาใส่กับ Barchart หรือแท่งที่แทนราคา high low ในแต่ละวัน ก็จะช่วยทำให้มองเห็นถึงแนวโน้มการเคลื่อนที่ของราคาหุ้น รวมถึงจุดที่เปลี่ยนแนวโน้ม ดูสัญญาณซื้อขาย รวมถึงแนวรับแนวต้าน ของราคาหุ้นในช่วงเวลาต่างๆ ได้ด้วยค่ะ
โดยปกติการวิเคราะห์เส้นค่าเฉลี่ย เป็นการคำนวณจากราคาปิดตามจำนวนวันย้อนหลัง ซึ่งมีการคำนวณหลายวิธี วันนี้เราจะพูดถึงวิธีง่ายๆที่เรียกว่า Simple Moving Average ระยะเวลาที่ใช้กันทั่วไปมีตั้งแต่
10 วัน (2 สัปดาห์) ใช้สำหรับการลงทุนระยะสั้น
25 วัน (ประมาณ1 เดือน) ใช้สำหรับการลงทุนระยะค่อนข้างปานกลาง
75 วัน (ประมาณ1 ไตรมาส) ใช้สำหรับการลงทุนระยะกลาง
200 วัน (ประเมาณ 1 ปี) ใช้สำหรับการลงทุนระยะยาว
จำนวนวันเหล่านี้จะเป็นตัวบอกถึงราคาต้นทุนเฉลี่ยของคนที่ถือหุ้นมาแล้วในช่วงระยะเวลาที่แตกต่างกันเช่น SET 6/8/53 ปิดที่ 875.07จุด
- MA10 วันอยู่ที่ 860.08 จุด แปลว่า ราคาปิดของดัชนีย้อนหลัง10วันทำการนำมาคิดค่าเฉลี่ยแล้ว ณ.วันนี้ ราคาย้อนหลังเฉลี่ยของนักลงทุนที่ซือ้ขายโดยอิงราคาปิดอยู่ที่860.08จุด เส้น MA10วัน จะมีความแกว่งสูงสุดในจำนวน4เส้น .....
-MA25วันอยู่ที่ 839.29จุด แปลว่า ราคาปิดของดัชนีย้อนหลัง25วันทำการ นำมาบวกกัน25วันแล้วหาร25ต้นทุนของนักลงทุนคิดจากดัชนีปิด จะมีต้นทุนที่ระดับดัชนี 839.29จุด .ความแกว่งของเส้นMA25วันจะน้อยกว่า10วัน .......
-MA75วัน อยู่ที่ 801.28จุด แปลว่า ราคาปิดของดัชนีย้อนหลัง75วันทำการ จนถึงปัจจุบันเฉลี่ยแล้วนักลงทุนจะมีต้นทุน หรือราคาซือ้ขายเฉลี่ยอยู่ที่ 801.28 จุด ความแกว่งของเส้นMA25วันจะลดน้อยลงกว่า25วันหรือเส้นจะดูเรียบขึ้น ....
-MA200วันอยู่ที่ 748.05จุด แปลว่า เมื่อ200วันทำการย้อนหลัง ถ้าเรานำดัชนีปิดมาคิดค่าเฉลี่ยแล้วต้นทุนของคนที่ซือ้ขายจะอยู่ที่ระดับดัชนีเพียง 748.05จุด เส้น200วัน จะแก่วงน้อยสุดในจำนวน4เส้น .....
เราดูอะไรบ้างจากการดูกราฟ Barchart และ MA 10/25/75/200 วัน ดังภาพด้านบนนะคะ
1.ดูแนวโน้ม หุ้นหรือดัชนี วิธีการคือ
1 .1ดูจุดปลายของเส้นนั่นหมายถึงปัจจุบันที่เรายืนอยู่ เส้น10วันหมายถึงระยะสั้น 25วันระยะค่อนข้างปานกลาง 75 วันระยะปานกลาง และ200 วันระยะยาว ..... หากปลายเส้นทั้ง4เส้นยังชี้ขึ้นอยู่ เป็นการconfirm แนวโน้มขึ้นในระยะสั้นมาก สั้น กลางและยาว ..... ปลายเส้น 200วัน ชี้ขึ้น แต่10วันชี้ลง แสดงว่าแนวโน้มระยะสั้นปรับฐานลงเปลี่ยนแนวโน้ม แต่ระยะยาวยังเป็นแนวโน้มขึ้น เป็นต้น
1.2 ดูการเรียงตัวของเส้น ในแนวโน้มขึ้น เส้น10วันจะอยู่บนสุด รองมาเป็น25 และ75วัน 200วันจะอยู่ล่างสุด .... ตรงกันข้ามในแนวโน้มลง เส้น200วันจะอยู่บนสุด รองลงมาจะเป็น75และ25วัน 10วันจะอยู่ล่างสุด .... ถ้าเป็นแนวโน้ม sideway อาจเรียงสลับกันไปมา ...... ถ้าเป็นการเปลี่ยนแนวโน้ม จะมีการเปลี่ยนทิศทางของเส้นสั้นก่อน ปลายเส้นจะเปลี่ยนทิศวิ่งไปตัดเส้นอื่น
จากภาพ ดูด้านขวา คือจุดปัจจุบันที่เรายืนอยู่ ....จะเห็นว่าSET เป็นแนวโน้มขึ้นชัดเจน ปลายเส้นชี้ขึ้นทั้ง4เส้น การเรียงตัวของเส้นเป็นระเบียบ 10วันอยู่บน รองมาเป็น25/75วันและ200วันอยู่ล่างสุด
2.ดูสัญญาณซื้อ และสัญญานขาย
2.1 ดูการเคลื่อนที่ของBarchart แท่งปัจจุบันว่าตัดขึ้น หรือตัดลงกับแส้นMA ทั้ง4เส้น โดยดูทีละเส้น . .... Barchart ตัดขึ้นเป็นสัญญานซือ้ Barchart ตัดลง เป็นสัญญานขาย .... Barchart ตัดMA10วันขึ้นเป็นสัญญานซื้อในระยะสั้น แปลความได้ว่า แรงซือ้ชนะต้นทุนเลี่ย10วันย้อนหลังแล้ว .... ถ้า Barchart ตัดMA200วันขึ้นมาได้แสดงว่าแรงซือ้ ชนะต้นทุนที่รอขาย200วันย้อนหลัง ........ ในทางตรงกันข้าม Barchart ตัดเส้นMA10วันลง จะเป็นสัญญานขายระยะสั้น แปลความได้ว่าแรงขายเริ่มแรงจนทำให้ราคาขายลงมาต่ำกว่าต้นทุนเฉลี่ยย้อนหลัง10วัน หรืออีกนัย คนที่ถือมา10วันยอมขายออกมานั่นเอง ..... ถ้าBarchart ตัดลงมาอีกจนลงมาตัดเส้น MA200 วัน แปลความได้ว่า ราคาปรับลงแรงจนกระทั่ง ต่ำกว่าต้นทุนคนถือมา200วัน จะเป็นสัญญานขายในระยะยาวค่ะ
2.2 ดูการตัดกันของเส้น MA ระหว่าง 10/25/75/200วัน
สัญญาณซื้อ คือ เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น ตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวเรียกว่า (Golden cross) เช่นปลายเส้น MA10วัน เริ่มตัดขึ้นผ่าน MA25วันในทิศทางขึ้น ...... หรือปลายเส้นMA75วันตัดเส้น MA200วันในทิศทางขึ้น
สัญญาณขายคือ เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น ตัดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว เรียกว่า (Dead cross) เช่น ปลายเส้นMA10วันเริ่มตัดเส้นMA25วัน ลงมา หรือ ลงมาตัดเส้น MA75วันต่ออีกเส้นในทิศทางลง ก็จะบอกถึงสัญญานขายในระยะสั้นและปานกลางค่ะ
3.ดูแนวรับแนวต้าน
ให้ดู Barchart ณ.ปัจจุบันเป็นหลัก (แท่งขวาสุดที่เป็นแท่งสุดท้าย) แล้วดูปลายเส้นทั้ง4 เส้น เส้นที่อยู่ด้านล่าง Barchartในปัจจุบันจะเป็นแนวรับ ตาม MA ระยะเวลานั้น ........ เส้นที่อยู่ด้านบนจะเป็นแนวต้าน ดูที่จุดปัจจุบันของปลายเส้น
บางครั้งที่SET เป็น แนวโน้มขึ้น Barchart ตัดเส้นMAขึ้นมาทุกเส้นแล้ว เราอาจบอกได้ว่าแนวต้านตามเส้นค่าเฉลี่ยไม่มี .... มีแต่แนวรับ4จุดตาม MA ทั้ง4เส้น...... เช่นในปัจจุบันSET 6/8/53 ปิดที่ 875.07จุด แนวรับตาม MA10วันอยู่ที่ 860.08จุด ตาม MA25วันอยู่ที่ 839.29จุด ตาม MA75วันอยู่ที่ 801.28จุด ตาม MA200วันอยู่ที่ 748.05จุด
แต่จริงกว่านั้น เราอาจดูแนวต้านที่ระยะเวลามากขึ้น เช่นกด week ดู หมายถึง 1barchart หรือแท่งแต่ละแท่งแทนสัญญลักษณ์1สัปดาห์ และเส้นMA ก็จะเปลี่ยนจาก MA10/25/75/200วัน เป็นMA10/25/75/200 week แทน อ่านค่าในลักษณะเดียวกันค่ะ ซึ่งถ้าต้องการดูย้อนหลังเป็น10ปีก็กด month ดูได้เช่นกันค่ะ
SETในปัจจุบัน ถ้าลองดูbarchart ที่แทน week และ month ก็จะหาแนวต้านด้านบนไม่มีนะคะ .....SET ว่าไปแล้วนี่ออกแนวกระทิงเปลี่ยวพอสมควรเลยนะคะนี่ การดูแนวต้านจากMAกรณีนี้อาจดูไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราจะต้องกลับไปดุแนวต้านตาม barchart ยอดที่เคยทำจุดสูงสุดไว้ในแต่ละช่วงแทนค่ะ
False Signal หรือสัญญานที่ผิดพลาด .... จุดอ่อนของการใช้เส้นค่าเฉลี่ยคือหากหุ้นในช่วงนั้น เป็นลักษณะ Side way หรือแกว่งตัวในกรอบนานๆ อาจจะทำให้เส้นพันไปมา จึงเกิดทั้งสัญญาณหลอก (False Signal) ให้ ซื้อขายได้บ่อยได้.....เส้นค่าเฉลี่ยจึงเหมาะสำหรับการวิเคราะห์ในช่วงตลาดเป็นแนวโน้มขึ้นหลรอลงที่ชัดเจนค่ะ
งงมั๊ยคะ ... ไม่งงเนอะ สงสัยก็ถามมาได้เลยนะคะ รอตอบอยู่ไม่เคยมีคนสงสัยเลย blog แม่หมอสาวคุยข่าวหุ้นนี่ แฟนคลับเก่งๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ..... มีอะไร เมนท์มาคุยกันได้ค่ะ รอคุยอยู่นะคะ... รักเพื่อนๆทุกคนคร้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น