ถ้าคุณอยากได้ข่าวฉบับเต็มก็สามารถขอมาได้ที่ e-mail: magicstocknews@gmail.com
หรือโทรมาที่ 086-8673392
หรือโทรมาที่ 086-8673392
ข้อมูลที่ได้มาทั้งหมดรวบรวมมาจากแหล่งข่าวต่าง ๆ อาทิเช่น หนังสือพิมพ์ สำนักงานข่าว
และบทวิเคราะห์ของโบรคเกอร์ต่าง ๆ ที่เผยแพร่สู่สาธารณะ
สมมุติเราเอาดัชนีตลาดหรือราคาปิดของหุ้นรายตัวมาplotเป็นกราฟต่อกัน
หุ้นแนวโน้มขึ้นจะมีลักษณะดังนี้ค่ะ
- 1. ลักษณะเด่นของแนวโน้มขึ้น มีหลัก2อย่างคือระดับราคาจะต้องมีการทำจุดสูงสุดใหม่ และต้องยกฐานจุดต่ำสุดขึ้น ( higer high and higher low) ....... การขึ้นของราคาหุ้นจะไม่ใช่ขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะเรื่องของหุ้นเมื่อมีคนซือ้ถูกก็ย่อมมีคนอยากขายทำกำไรเป็นธรรมดา ราคาเจอแรงขายก็จะปรับลง แต่การลงจะไม่มากนัก(ไม่ลงไปที่เดิม) ..... ถ้าหุ้นตัวนั้นมีข่าวดีจริงก็จะมีแรงซือ้กลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง ....การเป็นหุ้นขาขึ้น ราคาจะต้องสามารถทะลุจุดสูงเดิมขึ้นไปให้ได้.... นั่นคือมี การทำhigher high(จุด4จะต้องสูงกว่าจุด2 ) ....และการปรับลงมาจากการขายทำกำไรระยะสั้นแต่ละรอบจะต้องเป็นราคาที สูงกว่าเดิม( จุด5 ต้องสูงกว่าจุด3) หรือที่เรียกว่า higher low
2. สัญญานซื้อ(buy signal) ในหุ้นแนวโน้มขึ้น สัญญานซื้อจะอยู่ที่ระดับราคาที่สามารถผ่านจุดสูงสุดเดิมได้ ในรูปก็ตรงลูกศรชี้ ที่ระดับราคาสามารถผ่าน จุด2และจุด4ได้อะค่ะ
- 3. แนวรับ-แนวต้าน(support - resistance) ในแนวโน้มขึ้น แนวต้าน คือ จุดที่ขึ้นไปสูงสุดก่อนโดนขายทำกำไรลง มา(จุด2และ4) ..... แนวรับ คือจุดต่ำสุดที่โดนขายทำกำไรออกมาก่อนที่แรงซื้อจะเข้ารอบใหม่(จุด3) ...รวมไปถึง จุดที่เคยเป็นแนวต้านเดิม ที่ราคาสามารถผ่านขึ้นไป แนวต้านเดิมนั้นก็จะกลับกลายเป็นแนวรับรอบใหม่ ( ระดับราคาที่จุด5)......
ซึ่งสามารถอธิบายทางจิตวิทยาได้ดังนี้ค่ะ สมมุติเราซื้อหุ้นที่ราคาจุด1แล้วราคาหุ้นขึ้นไปที่จุด2เราขายได้กำไรแล้วนั่งหัวเราะ ชอบใจที่ขายแล้วราคาลงมาที่จุด3 ......จากนั้นก็จะเริ่มไม่สบายใจเมื่อราคากลับไปที่ระดับเดียวกับที่เราใหม่ ......แล้วก็ให้ความรู้สึกเหมือนขายหมูไปทันทีเมื่อราคาพุ่งขึ้นไปที่ จุด4พร้อมด้วยอารมณ์เสียดายสุดฤทธิ์ .......ดังนั้นเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาอีกครั้งที่จุด 5 เรา)....เราย่อมอยากซื้อกลับเพื่อหวังจะขายในราคาสูงรอบใหม่.........จึงเป็นคำตอบที่ว่าทำไมแนวต้านในขาขึ้นจึงกลับมาเป็นแนวรับอีกครั้งหากผ่านขึ้นไปได้ ค่ะ
4. ธรรมชาติของหุ้นแนวโน้มขึ้น
- จะมี4เฟส เฟส1.เริ่มจะขึ้น (ไม่แน่ใจ) - เฟส2.ขึ้นแบบเริ่มมั่นใจ volumeการซื้อขายจะเริ่มมาก - เฟส3.ขึ้น แบบทุกคนมั่นใจ จะขึ้นแรงแบบเหลือเชื่อ - เฟส4.ขึ้นทิ้งทวนก่อนลง volumeจะเยอะสุดและคนก็จะเข้าไปติดที่ราคาสูง ตรึมหรือภาษาชาวหุ้นเค้าเรียกติดดอยอะค่ะ
- ปัจจัยบวกหรือข่าวเชิงบวกจะเริ่มเข้ามา โดย เฟสแรกข่าวก็น้อยก่อนและเพิ่มกระแสบวกตามเวลาที่ผ่านไป แนวโน้มต่างๆทุกคนจะมองสดใสไปหมด จะมีการออกมาคาดการณ์แบบดีเลิศ (เกินเหตุรึเปล่า) หรือเรียกง่ายๆข่าวดีท่วมตลาดนะแหละค่ะ
- นักลงทุนหน้าใหม่จะเข้ามาตลาดมากขึ้นโบรกเกอร์เปิดบัญชีสามาชิคกันมือเป็นระวิง เป็นช่วงแมงเม่าร่าเริงการทำกำไรรายวัน จะเกิดขึ้นตลอด ผลตอบแทนการเก็งกำไรหรือลงทุนในตลาดหุ้น จะมากกว่าการฝาก เงินไว้กับธนาคารแบบไม่เห็นฝุ่น เลยค่ะ
- 5. การทำกำไรในแนวโน้มขึ้น เนื่องจากเป็นแนวโน้มที่เล่นง่ายสุดทำกำไรได้มากสุด เมื่อเทียบกับแนวโน้มอื่นๆ ชึ่งการจะกำไรมากหรือน้อยสามารถไล่เรียงได้ดังนี้ค่ะ ก่อนอื่นขอให้เพื่อนๆย้อนขึ้นไปดูรูปแนวโน้มขึ้นด้านบนอีกครั้งนะคะ
- คนที่กำไรมากที่สุด เล่นหุ้นเก่งที่สุดในตลาด .... คือคนที่ซื้อที่1ขายที่2 ซื้อกลับที่3 ขายใหม่ที่4 ซื้อกลับที่5 ขายออกหยุดเล่นที่6.....เก็บเงินเข้ากระเป๋า เป็นไอดอลของแมงเม่าเลยละค่ะ แต่ในชีวิตจริงทำยากและไม่มีใครจะมีจังหวะการลงทุนได้เฉียบเหลือเชื่อขนาดนั้นอะค่ะ
- คนที่กำไรรองลงมา คือคนที่จับหลักแนวโน้มขึ้นเป็น คือซือ้และถือยาว หมายถึงอาจซื้อที่1หรือสูงกว่าหน่อย แล้วไม่หวั่นไหว ไม่ว่าจะขึ้นลงกี่รอบถือตราบที่หุ้นตัวนั่นยังไม่เปลี่ยนแนวโน้ม จะขายก็ต่อเมื่อหุ้นเปลี่ยนแนวโน้ม ก็คือลากยาวไปขายปลายทางที่จุด6เลยอะค่ะ สไตล์นี้ก็จะกำไรเป็นกอบเป็นกำเหมือนกันค่ะ
- คนที่กำไรนิดหน่อย คือคนที่รีๆรอๆ กลัวๆ กล้าๆ แต่ก็อยากได้กำไร..... ตอนหุ้นเริ่มขึ้นก็จะรอดูจนแน่ใจ กว่าจะตัดสินใจได้ราคาก็ปรับขึ้นไปพอสมควรแล้ว พอเข้าไปซื้อก็จะรีบขายเพราะกลัวหุ้นจะลง คนกลุ่มนี้ก็ยังจะมีกำไรในการซือ้ขายอยู่นะคะแม้จะไม่มากเท่าไหร่
- คนที่ขาดทุนในตลาดขาขึ้น คือคนที่ตัดสินใจช้า ขี้ตกใจและกลัวเกินเหตุพร้อมๆกันทั้ง3อย่าง กว่าจะตัดสินใจซื้อได้ เช็คชื่อปุ๊บราคาหุ้นก็ลงปั๊บเหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง ...พอราคาลงมาก็อิมเมจิ้นว่าลงแน่นอนยอม cut loss หรือขายขาดทุน..... ฉับพลันราคาหุ้นก็เด้งกลับคืนนั่นคือ ซือ้ที่ 2 ขายที่3 ซื้อที่4 ขายที่5 ถ้าเข้าลักษณะนี้ควรหยุดเล่นหุ้นนะคะ ทำอย่างอื่นน่าจะเหมาะกว่าค่ะ
- คนที่ติดหุ้นราคาสูง แม้จะยังไม่ขาดทุนเพราะยังไม่ขาย คนกลุ่มนี้เทียบไปแล้วก็เหมือนการวิ่งผลัดไม้ที่4 คือ เข้ามาซือ้ตอนตลาดขึ้นมานานแล้ว ความเสี่ยงสุงมาก เมื่อซือ้แล้วไม่มีคนมารับไม้ต่อ คือซื้อปุ๊ปลงปั๊บ เปลี่ยนแนวโน้มพอดี หรือที่เรียกว่าติดดอยหรือติดหุ้นต้นทุนสูงนั่นเองค่ะ ....วิธีการแก้ คือ ต้องพยายามเปลี่ยนพฤติกรรมให้ได้อย่าไล่หุ้นที่ขึ้นมาสูงแล้วอะค่ะ
6. ต้องติดตามการเปลี่ยนแนวโน้มอย่างใกล้ชิด สังเกตุง่ายๆ ถ้าSET หรือหุ้นตัวนั้นเริ่มจะไม่เข้าหลัก 2 อย่างคือไม่มีการทำจุดสูงสุดใหม่ และไม่ยกฐานจุดต่ำสุดขึ้น หรือ ไม่ทำ higher high หรือไม่ทำhigher low นั่นคือการจบแนวโน้มขาขึ้น สิ่งที่เพื่อนๆควรทำก็คือปิดpositionหรือขายออก ทำพอร์ตว่าง แล้วออกมานั่งดูซักพักค่ะ(แต่เอาเข้าจริงทำยากมากค่ะขอบอก)
- ก็จบการเล่นหุ้นตามแนวโน้มขึ้นซึ่งเป็นตอน1 ยังเหลืออีก2ตอนคือ ตอน2เล่นหุ้นในแนวโน้มลง และตอน3 เล่นหุ้นในแนวโน้มsideway .... ติดตามนะคะในอ่านหมากตลาดทุนเหมือนเดิมค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น