สวัสดีค่ะเพื่อนๆขา....

แม่หมอสาวคุยข่าวหุ้นยังคงเป็นเพื่อนร่วมทาง(การลงทุน)เพื่อนๆเหมือนเดิม โดยนำเสนอ หุ้นมีข่าว เช้าบ่าย ค่ำ อยู่เป็นเพื่อนกันตลอดวัน ตลอดคืน .......แถมวันเสาร์มีเสริมบารมีนักลงทุนมานำเสนอเพื่อความเฮงด้วยนะคะ .... ส่วนวันอาทิตย์เป็นความรู้เกี่ยวกับตลาดหุ้นในหัวข้ออ่านหมากตลาดหุ้นค่ะ .... สำหรับข่าวเรียลไทม์ ขอสงวนสิทธิ์ให้เฉพาะสมาชิคเท่านั้นนะคะ ซึ่งเพื่อนๆสามารถติดต่อขอเป็นสมาชิคได้ที่ magicstocknews @gmail.com หรือ 086-8673392 ค่ะ


*

วันอาทิตย์

มุมมองต่างประเทศ เรื่องน้ำท่วม

 

 

CS รายงานกระทรวงการคลังปรับคาดการณ์ GDP ไทยปี 11 จาก 4% ลงสู่ 3.7% และคาดว่ายอดความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมจะอยู่ที่ระดับ $3.9bn

 

CS มีความเห็นว่าเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา จะทำให้รายจ่ายภาครัฐปรับตัวขึ้นมากจากเดิมทึ่คาดไว้ที่ $11bn ซึ่งอาจจะทำให้ยอดดังกล่าวปรับตัวขึ้นสู่ $14bn คาดรัฐบาลอาจจะชะลอนโยบายค่าแรงขั้นต่ำไป และเพิ่มนโยบายการจัดการทางน้ำเข้าไปแทน

 

CS คาด 20 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม จะคิดเป็น 25% ของ GDP รวม และ38% ของ GDP ภาคการผลิต

 

CS มีความเห็นว่าเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้ธุรกิจอิเล็คโทรนิคส์, ยานยนต์ได้รับผลกระทบอย่างมาก แม้ว่าโรงงานบางแห่งจะไม่ได้อยู่ในเขตน้ำท่วมก็ตาม แต่จะเผชิญกับปัญหาsupply chain ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะต้องชะลอตัว 1-2 เดือน

 

DB คาดกลุ่มพลังงานในไทยไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากวิกฤติน้ำท่วม โดย BCP ยืนยันว่า SolarFarm ของบริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในอยุธยา และได้มีการเตรียมการรับมือไว้แล้ว

 

DB คาดกลุ่ม Telecom ของไทยจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในเชิงลบเพียงเล็กน้อย จากการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ลดลงและการตัดไฟฟ้าของสถานีส่งสัญญาณบางแห่ง เชื่อผลกระทบต่อกำไร 4Q11มีไม่มากนัก โดย ADVANC แก้ปัญหาการตัดไฟในสถานีบางแห่งด้วยการเปิดสถานีส่งสัญญาณเคลื่อนที่ในพื้นที่ประสบภัย โดยล่าสุด ADVANC ได้รับผลกระทบ 26 สถานี ในขณะที่ DTAC ถูกกระทบ 20 สถานี และ TRUE กระทบมากสุด 60 สถานี

 

DB คาด ROJNA จะได้รับผลกระทบเชิงลบมากที่สุดจากวิกฤติน้ำท่วมในไทย โดยนิคมอุตสาหกรรมในอยุธยาของบริษัทขนาด 2,875 acre ได้ถูกน้ำทะลักเข้าท่วม โดยนิคมดังกล่าวมีผู้เช่าหลักคือTICON ที่เช่าพื้นที่ถึง 20% ในขณะที่ AMATA และ HEMRAJ ไม่น่าจะได้รับผลกระทบเนื่องจากนิคมของทั้ง 2 ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย

 

DB คาดแม้ผลกระทบโดยตรงจากน้ำท่วมในไทยต่อกลุ่ม Residential Property จะไม่ชัดเจนแต่เชื่อผลกระทบทางอ้อมจะส่งผลกระทบอย่างมากในเชิงลบ โดยวิกฤติน้ำท่วมอาจทำให้ให้บริษัทต้องเลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่ๆออกไป และผลกระทบเชิงเศรษฐกิจอาจชะลออุปสงค์ในตลาดอสังหาฯ ส่วนอุปสงค์การซ่อมแซมบ้านจะทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวขึ้นส่งผลลบต่อส่วนต่างกำไรของกลุ่มดังกล่าว

 

DB คาด HANA จะได้รับผลกระทบมากที่สุดในกลุ่ม Electronics โดยบริษัทได้ประกาศปิดโรงงานชั่วคราวแล้ว ส่วน KCE คาดว่าการผลิตจะต้องชะลอตัวลงเนื่องจากพนักงาน 20-30% ของบริษัทไม่สามารถมาทำงานได้ ในขณะที่ SMT ยังคงระดับการผลิตเท่าเดิม แนะนำ UW Electron

 

DB คาดวิกฤติน้ำท่วมไทยจะส่งผลลบเชิงลบต่อกลุ่มยานยนต์ในไทยอย่างมาก คาดการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จะชะลอตัวลงจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ในขณะที่แรงกดดันทางเศรษฐกิจจากน้ำท่วมจะทำให้ purchasing power ของผู้บริโภคปรับตัวลง ส่วนบริษัทต่างชาติที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือHonda ที่รถยนต์นับร้อยคันที่รอส่งมอบ จมอยู่ใต้น้ำ

 

CS คงคำแนะนำ OW แก่ธุรกิจสื่อสารไทย หลังจากรัฐบาลอนุมัตินโยบายลดภาษีรายได้นิติบุคคลคาดกำไรของ ADVANC, DTAC ปี 12 จะปรับตัวขึ้น 10% และ 23.1% สำหรับ TRUE

 

 

CS มีความเห็นว่าราคา TRUE ได้ปรับตัวลงมามาก (40.5%YTD) แนะนำให้รอดูผลประกอบการช่วง 3Q11 ซึ่งเป็นผลหลังจากการเปิดตัวคลื่นใหม่ @850MHz 3G

 

CITI คาดนโยบายปรับลดภาษีนิติบุคคลลงสู่ 23% ในปี 12 และ 20% ในปี 13 จะทำให้ AP, LPN,และ SPALI ได้ประโยชน์ ซึ่งมีอัตราภาษีจ่ายอยู่ในระดับที่สูงถึง 30% ในขณะที่ LH จะได้ประโยชน์ปานกลาง ตามมาด้วย QH ที่ได้ประโยชน์เพียงเล็กน้อย ส่วน PS เนื่องจากได้รับประโยชน์จาก BOIอยู่แล้วจึงไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าว

 

CITI คาดวิกฤติน้ำท่วมในไทยอาจผลักดันให้อุปสงค์ของวัสดุก่อสร้างและแรงงานก่อสร้างเพิ่มขึ้นเพื่อฟื้นฟูและซ่อมแซมพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอาจส่งผลลบต่อกลุ่มอสังหาฯในไทยที่อาจต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น และอาจหักล้างผลประโยชน์จากการลดภาษีบางส่วน ชอบ AP , SPALI , LPNจากผลประโยชน์ที่ได้รับทางการลดภาษีนิติบุคคล

 

ML ปรับ BEC จาก 41.5 ขึ้นสู่ 43.6 (Buy) ปรับคาดการณ์รายได้ปี 11 ลง 12% แต่ปรับคาดการณ์รายได้ปี 12, 13 ขึ้น 3%, 8% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนเหตุการณ์น้ำท่วม ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหลายแห่ง (อาจส่งผลกระทบต่อภาคการโฆษณา) แต่ได้รับประโยชน์จากการปรับลดภาษีนิติบุคคลของรัฐบาล

 

 

JPM เลือก CPF, KBANK เป็น 2 หุ้นไทยที่มี Q-Score (Quant) สูงกลุ่มประเทศ EM

 

CITI มีความเห็นว่าการปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลของรัฐบาลจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มอสังหาฯ โดยAP, LPN, SPALI ได้รับประโยชน์ทั้งหมด โดยคาดว่ากำไรมีโอกาสปรับตัวขึ้น 10.8% ในปี 12 และ15.1% ในปี 13 คาด LH ได้รับประโยชน์น้อยกว่าผู้ประกอบการอื่น และ PS ไม่ได้รับประโยชน์เลย(BOI)

 

 

CITI มีความเห็นว่าสถานการณ์น้ำท่วมใน กทม. ยังไม่อยู่ในระดับที่ย่ำแย่นัก แต่คาดว่าหลังน้ำลดแล้ว ความต้องการในการก่อสร้างจะปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกับวัสดุก่อสร้าง ซึ่งอาจจะทำให้ต้นทุนของธุรกิจอสังหาฯปรับตัวขึ้นด้วย

 

CITI เลือก AP, LPN, SPALI เป็น Top Picks กลุ่มอสังหาฯ

 

DB แนะนำ Hold HMPRO TP@10.80 บริษัทต้องปิดศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทในจังหวัดอยุธยาและต้องนำสินค้าคงคลังไปเก็บไว้ในที่สูง คาดการปิดศูนย์กระจายสินค้าไม่มีผลกระทบมากนักต่อบริษัท เนื่องจากทางบริษัทได้ติดต่อให้ Supplier ส่งสินค้าโดยตรงไปยังสาขาย่อยชั่วคราวแล้ว ทำให้บริษัทยังสามารถดำเนินงานได้ปกติ และสินค้าทุกชิ้นได้รับการประกันวินาศภัยไว้แล้ว เชื่ออุปสงค์แต่ง/ซ่อมแซมบ้านจะเป็นประโยชน์ต่อ HMPRO

 

 

CS คงความเห็น UW แก่การลงทุนในตลาดหุ้นไทย มีความเห็นว่าเหตุการณ์น้ำท่วมในไทยไม่ได้กระทบต่อตลาดหุ้นโดยรวมนัก ในขณะที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นได้ส่งผลต่อตลาดมากโรงงานที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจในตลาดมากนัก แต่คาดผู้ค้าปลีกที่จะมียอดขายที่อ่อนแอในช่วง 4Q (ไม่มาก

 

 

CS รายงาน PTA-PX, PX-Naphtha spread ปรับตัวขึ้น 11%, 27%MoM ในเดือน ก.. แต่อย่างไรก็ดี polyester chain ปรับตัวลง 0-2% ในช่วงที่ผ่านมา คาดความต้องการ PX อ่อนแอ จะเป็นประโยชน์ต่อ PTA คาดอุปสงค์สินค้ากลุ่มดังกล่าวยังคงถูกกดดันต่อ

 

 

CLSA แนะนำ Sell TISCO TP@35 กำไร 3Q11 +23%YoY สูงกว่าคาดจากการควบคุมรายจ่าย แต่อย่างไรก็ดี อัตราการขยายตัวของสินเชื่อยังคงอ่อนแอหลังจากปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดใน 1Q ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นจากการแข่งขันในตลาดเงินฝาก แนวโน้มธุรกิจในอนาคตดูอ่อนแอ

 

 

CLSA แนะนำ Sell PS TP@13.6 คาดกำไรปี 11 จะอยู่ในระดับต่ำกว่าคาดมาก (-10% จากเป้าหมาย) เนื่องจากการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงปี 10-11 มาก ทำให้ทรัพย์สินหมุนเวียนน้อยลงคาดปี 12 เปิดตัวโครงการใหม่น้อยลง และเน้นการขายโครงการเดิมมากขึ้น

 

UBS มีความเห็นว่ามุมมองในแง่ร้ายในเศรษฐกิจโลกนั้นมีมากเกินไป โดยในช่วงที่ผ่านมา มีการกลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงที่ผ่านมามาก หากเทียบ Growth Surprise Index และ RiskAppetite แล้วจะพบว่า นักลงทุนคิด discount ดัชนีจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้

 

UBS มีความเห็นว่าสถานการณ์ใน EU ไม่ควรจะเป็นอย่างทุกวันนี้ และมีความเห็นอีกว่าการแบ่งแยกประเทศออกจากกลุ่ม EU นั้นจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก แต่อย่างไรก็ดีความเป็นไปได้นั้นยังคงมีอยู่

 

GS รายงานประธาน Bundesbank ของเยอรมนี มีความเห็นว่าการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซจะไม่เป็นทางออกสำหรับปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค แต่เขาก็มิได้พูดถึงความเสี่ยงที่การผิดรับชำระหนี้กรีซจะส่งผลให้เกิดวิกฤติทางการเงิน

 

 

UBS มีความเห็นว่าประเทศกลุ่ม EM ยังคงมีสถานการณ์ทางการเงินที่ดีกว่า DM เนื่องจากปริมาณหนี้สาธารณะที่อ่อนแอ และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูง

 

UBS มีความเห็นว่าสถานการณ์สภาวะเศรษฐกิจในช่วงปี 08-09 จะไม่เห็นการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ แต่เป็นการพังทลายของเศรษฐกิจภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และธนาคารกลางของหลายประเทศ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาก รัฐบาลพยายามใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลายชนิด แต่ภาคเอกชนยังคงไม่มีความมั่นใจมากนัก ทำให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างเชื่องช้า

 

 

UBS มีข้อสังเกตุว่าในช่วงเดือนที่แล้ว ปริมาณสำรองค่าเงินต่างชาติใน 25 ประเทศปรับตัวลงอย่างมาก ($35bn) ซึ่งอาจจะเป็นสัญญาณวิกฤติเศรษกิจเช่นเดียวกับในปี 08-09 (High@08 อยู่ที่ -$125bn)

 

 

DB แนะนำปรับพอร์ตการลงทุนโดยเน้นการรักษาเงินทุนมากกว่าผลตอบแทน คาดการปรับตัวขึ้นมาของหุ้นในช่วงที่ผ่านมาไม่ยั่งยืน ปรับน้ำหนักหุ้นลงสู่ 10% UW หุ้นในตลาดเยอรมนี เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทในเยอรมนีขึ้นอยู่กับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างมาก และแนะนำให้เน้นถือครองเงินสดและพันธบัตรรัฐบาลในระดับสูง แต่ให้ Short พันธบัตรรัฐบาลใน EU 15%ของพอร์ต ในส่วนของค่าเงินแนะนำลดการถือครอง EUR


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

Powered By Blogger