สวัสดีค่ะเพื่อนๆขา....

แม่หมอสาวคุยข่าวหุ้นยังคงเป็นเพื่อนร่วมทาง(การลงทุน)เพื่อนๆเหมือนเดิม โดยนำเสนอ หุ้นมีข่าว เช้าบ่าย ค่ำ อยู่เป็นเพื่อนกันตลอดวัน ตลอดคืน .......แถมวันเสาร์มีเสริมบารมีนักลงทุนมานำเสนอเพื่อความเฮงด้วยนะคะ .... ส่วนวันอาทิตย์เป็นความรู้เกี่ยวกับตลาดหุ้นในหัวข้ออ่านหมากตลาดหุ้นค่ะ .... สำหรับข่าวเรียลไทม์ ขอสงวนสิทธิ์ให้เฉพาะสมาชิคเท่านั้นนะคะ ซึ่งเพื่อนๆสามารถติดต่อขอเป็นสมาชิคได้ที่ magicstocknews @gmail.com หรือ 086-8673392 ค่ะ


*

วันเสาร์

เล่นหุ้นขาลง

กู๊ดมอร์นิ่งซันเดย์ค่ะเพื่อนๆ ยามนี้ตลาดหุ้นออกแนวเป็นพิษกับนักลงทุนซะแร๊วนะคะ......  เหตุก็เพราะ กลับกลายมาเป็นขาลงหลังจากหลุดแนวโน้มsideway 1012-1150จุด ที่แกว่งขึ้นแกว่งลงมาตลอด9เดือน กันตอนกลางเดือนกย.ที่ผ่านมานี่เองค่ะ .... เหตุก็เพราะศก.โลกชะลอตัว ภาวะหนี้สินของยุโรปเริ่มอาการหนัก จึงเกิดการลดพอร์ตของกองทุนใหญ่ๆและที่สำคัญเกิดการเคลื่อนย้ายของเงินทุน ... นี่ไม่นับรวม ภาวะน้ำท่วมที่เนิ่นนานและกระจายวงกว้างในไทยเราอีกนะคะ.... หุ้นขาขึ้นเล่นง่าย แต่สุดท้ายคนส่วนใหญ่จะขึ้นไปติดดอย ..... หุ้นsidewayเล่นไม่ยากแต่คนที่ตัดสินใจช้ามักเล่นกลับหัวควรซือ้ถูกขายแพงแต่ซื้อแพงแล้วตัดสินใจขายถูก .......  หุ้นขาลงเล่นยาก จะมีคนเพียงส่วนน้อยที่ชอบเพราะซือ้แล้วลงทำให้ขวัญกระเจิง แต่บางคงก็มองว่าเป็นโอกาสในการซื้อของสิ่งเดียวกันในราคาถูก แต่อาจต้องถือนานหน่อยแค่นั้นเอง

ประเด็นที่สำคัญในหุ้นขาลงคือ มันจะลงไปแค่ไหน ..... ถ้าลงต่อจากที่เราซือ้ซักไม่เกิน5% แล้วดีดกลับให้ทำกำไรได้ซัก10-20% มันก็น่าสน แต่ถ้าลงต่อจากที่เราซือ้ไปอีก20-30% เห็นทีจะรับได้ยากแน่นอนค่ะ ... คำพูดที่ว่ารู้งี้ยังไม่ซือ้ดีก่า ก็จะดังลั่นท่วมตลาดกันเลยละค่ะ..... ครานี้เห็นทีว่าเราจะต้องมาหาวิธีคาดการณ์กันว่าหุ้นลงจะลงไปไหนกันดีที่สุดในภาวะขาลง เพื่อที่จะได้ซือ้ได้ในราคาต่ำสุดกันดีมั๊ยคะ.....แต่ในทางปฏิบัติทำไม่ง่ายนะคะ เพราะปัจจัยที่เข้ามากระทบเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ข่าวสาร เหตุการณ์ต่างๆเราต้องupdate ตลอดเวลาแม่หมอก็พอมีguide lineแนวทางปฏิบัติในการเล่นหุ้นขาลงให้ดังนี้ค่ะ

1.ติดตามภาวะศก.โลก -ศก.ในประเทศอย่างใกล้ชิด หากการเติบโตของจีดีพียังมีอยู่ แต่อาจมีชะลอตัวบ้าง ก็น่าจะทำให้แนวโน้มลงของหุ้นไม่รุนแรงมาก แต่หากเป็นภาวะถดถอยหรือจีดีพีติดลบ นั่นคือการลงของหุ้นอาจรุนแรงและยาวนาน  ล่าสุดประมาณการณ์จีดีพีไทยอยู่ที่ 3.5-4%นะคะ

2.ติดตามการคาดการของโบรกเกอร์ต่างประเทศและโบรกเกอร์ในประเทศถึงเป้าหมายดัชนี และมุมมองเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแต่ละประเภทอย่างใกล้ชิด และต้องupdateตลอดเวลารวมถึงติดตามflowของโบรกเกอร์นั้นๆ ว่าเป็นทิศทางเดียวกับที่แนะนำหรือคาดการณ์หรือไม่ล่าสุด ML ให้เป้าหมายSETณสถานการณ์ปกติที่920จุดค่ะ กรณีเลวร้าน870จุด เป็นต้นค่ะ

3.ดูสถิติ หรืออีกนัยหนึ่งคือวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค ถึงอดีตที่เคยเป็น ดูแนวรับ แนวต้าน สัญญานซือ้สัญญานขายเพื่อเป็นแนวทางคาดการณ์อนาคต ตัวอย่างเช่น lowรอบนี้ 867จุด หากSET ลงไปทำnew lowให้เห็นแสดงว่าแนวโน้มลงยังไม่จบค่ะ

4.ดูตัวเลข ค่าพีอี dividend yeild ของหุ้นว่าอยู่ในระดับน่าลงทุนหรือยัง เปรียบเทียบกับในอดีตช่วงที่ตลาดเลวร้าย ตัวเลขต่างๆเป็นอย่างไรบ้าง พีอีตลาดไทยตอนนี้อยู่ประมาณ 10-11เท่า ลงมาจาก12เท่า แต่พีอีตลาดไทยเคยลงไปถึง8เท่าสมัย Subprimeนะคะ แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูพื้นฐานศก.ในประเทศด้วยนะคะ สถานการณ์ไม่เหมือนกันซะทีเดียวค่ะ

5. ประเมินสถานการณ์ เหตุการณ์ นโยบายรัฐ และโครงการต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ว่าส่งผลบวก ผลลบต่อตลาด การลงทุน และหุ้นรายตัวอย่างไร เพราะการซือ้หุ้นเป็นการซื้ออนาคตไม่ใช่ซือ้ปัจจุบัน อย่างตอนนี้กลุ่มที่ยังมีศักยภาพดี คือกลุ่มมือถือรับ3จี และกลุ่มพาณิชย์ที่รัฐเตรียมผลักนดยบายเงินเดือน150000 - ค่าแรง300 บาทออกมา ..... รวมถึงคาดการณ์ผลกระทบของศก.โลกต่อไทย โดยให้ความสำคัญกับประเทศหลักอื่นๆในเอเซียด้วย โดยเฉพาะจีนค่ะ

6.กำหนดความเสี่ยงของตัวเองว่ารับได้ระดับใด กำหนดจุด stop loss ไว้ในใจ รวมถึงระยะเวลาการลงทุนที่รับได้หากจำเป็นต้องถือในต้นทุนสูง หากเรามั่นใจว่าหุ้นที่เราถือจะสวนกระแสศก.ได้ มีอัตราการเติบโตสูงต่อได้  จะไม่ cut loss ถืออึดก็พอไหวนะคะ

7.คาดการณ์แนวโน้มหุ้นให้ขาดว่าแต่ละช่วง SETอยู่แนวโน้มใดกันแน่   ขณะที่ตลาดหุ้นลงมา หรือถ้าพูดให้ชัดๆ ระยะสั้น ช่วงหลุด1012ลงมาที่867จุดเป็นขาลง และช่วงรีบาวนด์ขึ้นมา940จุดรวมถึงอ่อนตัวลงใหม่ ยังอยู่ในกรอบ sideway 867-1012จุด หรือถ้าให้แคบลงมาก็ยังคงกรอบsideway900-940จุด  ..... ประเด็นก็คือ หากเรามองlowเดิมว่า867จุดเป็นดัชนีที่พีอีระดับ10เท่า ไม่น่าจะหลุดไปกว่านี้ หรืออย่างแย่ก็850จุดเป็นระดับเหมาะสม เราก็จะเริ่มมองเห็นbottomของรอบนี้ได้  แต่ถ้าหากมองเลวร้ายโดยอาจเปรียบกับยุค Subprime ดัชนีก็ยังคงมีโอกาสทำ new low ลงไปต่ำกว่า 867จุดได้นั่นเองค่ะ

คราวนี้มาที่เล่นหุ้นในแนวโน้มลงอย่างไรดี ขอนำเสนอดังนี้ค่ะ

1. กำหนดวัตถุประสงค์การลงทุนให้ชัดเจน ว่าถือยาวได้แน่นอน หรือเข้าไปเพื่อเก็งกำไรสั้นๆ ถ้าถือยาว สิ่งที่ต้องพิจรณาคือแนวโน้มในอนาคตต้องดี และคำนึงถึงผลตอบแทนในรูปปันผลด้วย  ขณะที่การเก็งกำไรระยะสั้น เป็นเพียงการเล่นรีบาวนด์กำไรเล็กน้อยก็ขายออกเพื่อทำสภาพคล่องและลดความเสี่ยง ขณะที่ผิดทางต้องstop loss อย่าซือ้เพราะเก็งกำไร และถือยาวเพราะราคาลงมา ผิดหลักการนะคะ

2.เลือกหุ้นสวนกระแส หุ้นที่อนาคตดีมาก SET เป็นแนวโน้มลงแต่หุ้นตัวนั้นทำnew high เป็นแนวโน้มขึ้นได้ หรือยังเกาะเทรนด์ sideway ไม่หลุดหุ้นประเภทนี้หากSET กลับลำ ราคาจะขึ้นได้แรงเชียวละค่ะ

3.เปิดมุมมองทำความรู้จักกับ SET50 Futures การซือ้ขายดัชนีล่วงหน้า รวมถึงการซื้อขายหุ้นรายตัวล่วงหน้า การทำSBL หรือยืมหุ้นโบรกเกอร์มาขายล่วงหน้า ตลอดจนการขายหุ้นในพอร์ตของตัวเองออกไปก่อนเพื่อวัตถุประสงค์รอซือ้คืนเมื่อราคาอ่อนตัวลงมา ดูจะง่ายกว่าการซือ้เพื่อรอขึ้นนะคะ

4.ติดตามเทรนด์ตลาดและเทรนด์หุ้นรายตัวอย่างใกล้ชิด ว่าใกล้จะมีการเปลี่ยนแนวโน้มอีกครั้งหรือยัง  หากหยุดขาลง หรือคือไม่มีการทำnew low ตลาดอาจกลับมา sideway หรือกลับเป็นขาขึ้น ให้เปลี่ยนกลยุทธจากการเล่นขาลงทันที .... เพราะนั่นคือหากเราซือ้หุ้นบริเวณที่กำลังจะมีการเปลี่ยนเทรนด์จะเป็นราคาที่ถูกสุด และไม่เหมาะแก่การนำมาขายทำรอบสั้น หรืออีกนัยหนึ่ง การขายล่วงหน้าหรือการ shortหุ้นจะกลับมามีความเสี่ยงอีกครั้งหนึ่ง กลับกลายเป็นขายหมูไปในฉับพลันนะคะ

ก็เป็นประสบการณ์ในตลาดกว่า20ปีในตลาดหุ้นของแม่หมอนะคะ ถือว่าแลกเปลี่ยน เล่าสู่กันฟังแล้วกันค่ะ ไม่มีใครที่ถูกเสมอไปในตลาด เพราะเป็นเรื่องจิตวิทยามวลชน คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดไม่ใช่สิ่งที่เราคิดคนเดียว และที่สำคัญ เป้นเรื่องของเก่งบวกเฮงคร้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

Powered By Blogger