สวัสดีค่ะเพื่อนๆขา....

แม่หมอสาวคุยข่าวหุ้นยังคงเป็นเพื่อนร่วมทาง(การลงทุน)เพื่อนๆเหมือนเดิม โดยนำเสนอ หุ้นมีข่าว เช้าบ่าย ค่ำ อยู่เป็นเพื่อนกันตลอดวัน ตลอดคืน .......แถมวันเสาร์มีเสริมบารมีนักลงทุนมานำเสนอเพื่อความเฮงด้วยนะคะ .... ส่วนวันอาทิตย์เป็นความรู้เกี่ยวกับตลาดหุ้นในหัวข้ออ่านหมากตลาดหุ้นค่ะ .... สำหรับข่าวเรียลไทม์ ขอสงวนสิทธิ์ให้เฉพาะสมาชิคเท่านั้นนะคะ ซึ่งเพื่อนๆสามารถติดต่อขอเป็นสมาชิคได้ที่ magicstocknews @gmail.com หรือ 086-8673392 ค่ะ


*

วันเสาร์

การเลือกตัวหุ้น(สไตล์แม่หมอ)

กู๊ดมอร์นิ่งซันเดย์คร้าเพื่อนๆ อากาศเริ่มเย็นแล้ว ระวังรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ...... วันนี้อ่านหมากตลาดหุ้น แม่หมอขอเล่าประสบการณ์ของตัวเองแล้วกัน ว่าในการเลือกตัวหุ้น แม่หมอดูยังไงว่าหุ้นตัวไหนอยู่ในสายตา หุ้นตัวไหนจะมา  เผื่อจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆบ้าง  ก็ถือว่าเป็นการแชร์ความเห็นแล้วกันนะคะ .....  จริงๆ เวลาใครถาม สมัยก่อนแม่หมอชอบอำว่า หุ้นตัวนั้น หุ้นตัวนี้ ชื่อลอยขึ้นมาในหม้อน้ำมนต์ คริคริ ให้ดูขลังสมกับตัวเองชื่อแม่หมอ ......  แต่อันที่จริงแล้ว มีหลักการนะคะ ถ้าเพื่อนๆอยากรู้ก็ตามมาดูกันเลยค่ะ จะเฉลยให้ฟัง เริ่มต้นจากกลุ่มที่น่าสนใจก่อน .....

1. หุ้นที่จะสร้างผลกำไรมหาศาลส่วนใหญ่มักเป็นหุ้น turnaround หมายถึงหุ้นที่กลับตัวกลับใจ จากเดิมที่ขาดทุนหรือธุรกิจไม่ดีแล้วฟื้นตัวกลับมามีกำไรและมีโครงการที่ดีต่อเนื่องในอนาคต ..... ประเด็นคือตอนที่จะซื้อนั้นออกจะเป็นลักษณะ  high risk high return อยู่บ้าง เพราะการซือ้หุ้นเป็นการซือ้อนาคต ถ้าเราอ่านว่าโอกาสฟื้นสูง ราคายังไม่ขึ้น เราก็จะซื้อได้ในราคาถูก แล้วไปรอขายตอนที่ทุกคนเห็นพร้อมกันว่าฟื้นจริงแล้ว .... แต่มีข้อแม้นะคะว่าถ้าเราอ่านผิด ต้องไม่ถือต่อ cutทิ้งไปเลยนะคะ .... ตัวอย่างหุ้นประเภทนี้ ในรอบ2ปี ก็เช่น CNT JAS TMB เป็นต้น..... หรือที่เห็นชัดเจนก็คือกลุ่ม ยานยนต์ และอิเลคโทรนิกส์ ที่ลงจากซับไพร์ม และขึ้นจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว

2.หุ้นที่อยู่ในหลุม หมายถึงไม่มีอนาคตเลย แล้ววันดีคืนดีก็เริ่มมีข่าว แต่ยังไม่ชัดเจนเรื่องการฟื้นตัวของกำไร.... เพียงแต่เริ่มเห็นแสงสว่างเล็กๆที่ปลายอุโมงค์เท่านั้น เช่น เริ่มมีโครงการที่จะทำให้เห็น หรือข่าวดีที่มีลุ้นในอนาคตเช่นการปรับโครงสร้างหนี้ หรือศาลกำลังจะพิจรณาเรื่องแผนฟื้นฟู  หุ้นประเภทนี้เล่นเก็งกำไรแบบฉาบฉวยพอได้   %ผลตอบแทนอาจสูงมาก แต่พอได้ต้องเลิกแล้วออกมาดูต่อว่า บริษัทนั้นจะทำได้จริงตามกระแสข่าวหรือไม่  ที่เล่นกันมาในอดีต ก็เช่น NPARK GSTEEL  อ้อ ย้ำนะคะถ้ายังไม่turnaround จริงๆคือยังไม่มีกำไรให้เห็น  ไม่ถือต่อนะคะ เก็งกำไรเท่านั้นค่ะ

3.หุ้นพื้นฐานดีที่ไม่ได้รับความนิยมในอดีต เรียกว่ากลุ่มเพชรในตม   พีอีต่ำติดดิน บุ๊คสูง แล้ววันดีคืนดีก็มีกองทุน ไทยมั่ง เทศมั่งเห็นคุณค่า ตัวอย่างที่ชัดเจนในหุ้นประเภทนี้ก็คือกลุ่มแพคเกจ เช่น AJ PTLหรือกลุ่มยางเช่น STA TRUBB  ที่ปรับตัวขึ้นมากว่า4-5เท่าตัวแล้ว

4.หุ้นพื้นฐานดีพิมพ์นิยม  กลุ่มนี้ราคาอาจขึ้นลงไปตามภาวะตลาดรว และเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม แต่ก็อาจมีกระแสข่าวรายตัว ทั้งข่าวบวกและลบเข้ามาบ้างเป็นระยะ  เช่น กลุ่มแบงค์ใหญ่ BBL KBANK SCB PTT Family BANPU SCC กลุ่มนี้สามารถลงทุนได้ตลอดปีตามจังหวะและกระแสข่าวค่ะ แต่ผลตอบแทนอาจไม่เร้าใจมากนัก

5.หุ้นที่มีข่าวโครงการที่ดีมากในอนาคต ถ้าข่าวนั้นยังใหม่ซิงจะน่าสนมาก หุ้นประเภทนี้ต้องซื้อตอนข่าวใหม่ๆ และขายตอนข่าวเริ่มเก่า หรือเมื่อราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมารับข่าวแล้ว เช่น IVL HEMRAJ เป็นต้น

6.หุ้นที่อิงกับราคาโภคภัณฑ์ตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน ถ่านหิน สังกะสี น้ำตาล ยาง ถั่วเหลือง ข้าว กลุ่มนี้ตามติดให้ดี ถ้าอ่านเทรนด์ราคาตลาดโลกขาดก็จะทำให้ได้กำไรพอควรเลยละค่ะ เช่น PTTEP BANPU PDI KSL STA TVO KASET

คราวนี้มาดูกันที่แม่หมอมีวิธีตามหุ้นเหล่านี้อย่างไรกันนะคะ เริ่มตามนี้เลยค่ะ

1.เปิดโลกทัศน์ โดยการกระหน่ำอ่านบทวิเคราะห์ ของโบรกเกอร์ให้มากๆ หรือที่ง่ายกว่านั้น แม่หมอสรุปคอมเมนต์โบรกเกอร์ แต่ละวันลงมาให้เพื่อนๆอ่านแล้วในหุ้นมีข่าว วิธีการคือ อ่านจับประเด็นตัวหุ้น และเหตุผลที่แต่ละโบรกแนะนำ พร้อมราคาเป้าหมาย  อย่าอ่านเพียงชื่อหุ้นเพื่อนเล่นตามรายวันนะคะ ไม่มีประโยชน์ค่ะ .... เมื่ออ่านไปนานๆ เราจะเริ่มมั่นใจในข้อมูล หรือจะเริ่มรู้แล้วว่าโบรกเกอร์ไหนความน่าเชื่อถืออยุ่ระดับใด   อ้อ แอบกระซิบ ถ้าอ่านเจอเหตุผลที่โดนใจเป็นเหตุผลที่ยังใหม่อยู่ และราคาเป้าหมายสูงกว่าราคาปัจจุบันมาก นั่นแหละค่ะใช่เลย.... อ้อถ้าเป็นหุ้นใหญ่ อ่านบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ฝรั่งเสริมจะมีประโยชน์มากค่ะขอบอก (ซึ่งปกติจะหาอ่านยากเพราะไม่ค่อยเผยแพร่ค่ะ แต่แม่หมอก็จัดให้)

2.สังเกตุ ticker ระหว่างการเทรด ถ้าเคาะผ่านตาเริ่มถี่ ราคาเริ่มบวก เราก็นำมาโยงกับบทวิเคราะห์ที่เราอ่านเจอ เช็คกลับไปที่กราฟทางเทคนิคอีกครั้ง ถ้าทุกอย่าง confirm นี่ก็ใช่เลยละค่ะ

3. เลือกหุ้นจาก top twenty มูลค่าสูงสุดที่เทรดในแต่ละวัน ถ้าเป็นหุ้นขาประจำอาจไม่แปลก แต่ถ้าเป็นน้องใหม่เริ่มติดชาร์ช ต้องติดตามแล้วค่ะ แสดงว่าอาจมีอะไรดี ถ้า volume มาพร้องราคาปรับขึ้น น่าสน น่าสนค่ะ

แม่หมอก็ดูง่ายๆแค่นี้แหละค่ะ ส่วนจังหวะในการซือ้ มีสิ่งที่ต้องดูประกอบดังนี้ค่ะ

1.ติดตาม macro economics ทั้งในไทย และต่างประเทศ ว่าเปลี่ยนไปจากเดิมหรือไม่

2. รู้เขารู้เรา ตามติด big player เม็ดเงินเข้าออกของฝรั่ง กองทุน และดูว่าไทยเอ็นวีดีอาร์ซือ้ขายหุ้นตัวไหนอยู่ จับตามุมมองตลาดของโบรกเกอร์ทั้งในและต่างประเทศ

3.ดูปัจจัยทางจิตวิทยาเช่น ดัชนีตลาดต่างประเทศ หรือติดตามกระแสนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการเมือง

4.ดูราคาโภคภัณฑ์- updateข่าว การเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน

ไม่รู้ว่าเพื่อนๆเลือกหุ้นกันอย่างไร แต่แม่หมอก็มีวิธีตามที่บอกมานี้แหละค่ะ .... ซึ่งเพื่อนๆสามารถหารายละเอียดทั้งหมดได้ในหุ้นมีข่าว เช้า บ่ายค่ำ นะคะ .... รักนะจุ๊บๆ(อยากให้รวย อยากให้รวยจ้า)

4 ความคิดเห็น:

  1. แม่หมอจ๋า ติดหุ้น cntราคา 7.40 จะทำไงดี ตอนนี้หุ้นไหลลงเป็นน้ำ

    ตอบลบ
  2. ทุนลดาวัลย์ขายออกมาค่ะ รอให้ราคานิ่งก่อน และรอผลประกอบการไตรมาส3อีกครั้งนะคะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ20.11.61

    1.จะทราบได้อย่างไรคะ
    ว่าหุ้นขาลงตัวไหนจะขึ้นอีกหรือไม่
    2.กรณีถือหุ้นระยะยาว
    ไม่ต้องคัทที่8% ใช่หรือไม่คะ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ20.11.61

    1.หุ้นพื้นฐานดีค่อนข้างปลอดภัยจากการขาดทุน
    ควรเริ่มที่ราคาเท่าไหร่ดีคะ
    2.ในพอร์ตควรมีหุ่นประจำกี่ตัวและหุ้นจรกี่ตัวดีคะ
    3.ถ้างบประกอบการขาดทุนหรือติดลบ
    แสดงว่าไม่จ่ายปันผลใช่ไหมคะ
    4.ถ้าตัวเลขเป็นสีเหลือง
    แสดงว่าหุ้นกำลังจะขึ้นหรือลงคะ
    5.เงินเหลือในพอร์ตได้ดอกเบี้ยร้อยละเท่าไหร่คะ

    ตอบลบ

ผู้ติดตาม

Powered By Blogger