1. ลักษณะเด่นของแนวโน้มsideway มีหลักคือระดับราคาจะต้องไม่มีการทำจุดต่ำสุดใหม่ (new low) หรือจุดสูงสุดใหม่(new high) จะเป็นลักษณะแกว่งตัวออกข้าง
2. สัญญานซื้อ สัญญานขาย( buy signal /sell signal) หุ้นแนวโน้มsideway สัญญานซื้ออยู่ที่จุดที่ราคาปรับลงไปแล้วเด้งกลับมาคืนได้ สัญญานขายจะอยู่ที่จุดที่ราคาปรับขึ้นไปแล้วย้อนกลับลงมา
3. แนวรับ-แนวต้าน(support - resistance) ในแนวโน้มsideway แนวรับ คือ ระดับราคาที่ราคาหุ้นปรับตัวลงไปแล้วมีแรงรับเข้ามา ........แนวต้าน คือระดับราคาที่ราคาหุ้นปรับขึ้นไปแล้วย้อนลงมา ............ซึ่งสามารถอธิบายทางจิตวิทยาได้ดังนี้ค่ะ สมมุติเราซื้อหุ้นที่ไม่มีข่าวบวกข่าวลบที่ชัดเจนเข้ามา เราเคยซือ้และขายออกไปมีกำไร เมื่อหุ้นตัวนั้นลงมาที่เก่าก็อยากซื้ออีก และเมื่อราคาขึ้นไปที่เก่าประสบการณ์สอนว่าขายแล้วเคยลง ก็ย่อมอยากจะขายที่เก่าอีก .... ราคาหุ้นแนวโน้ม sidewayจึงดูออกแนวราคากั๊กบน กั๊กล่างค่ะ
4. ธรรมชาติของหุ้นแนวโน้มsideway ตลาดหุ้นจะขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวอาจมีข่าวลบเล็กๆเข้ามา อ้าวเดี๋ยวกลับเป็นข่าวบวกแทน สลับไปสลับมา หรืออีกทีก็เงียบไร้ข่าวไปเลย .......ความเสี่ยงต่ำผลตอบแทนต่ำ low risk low return เพราะโอกาสลงไม่มาก พอๆกับโอกาสขึ้นไม่สูง ........นักลงทุนบางส่วนจะชอบ เพราะตลาดไม่หวือหวา ถึงแม้จะไม่สามารถทำกำไรได้มากแต่ก็ไม่ต้องคอยตกใจว่าหุ้นจะลงแรง....... และนักลงทุนชอบที่จะตั้งขายเลย เมื่อซือ้ได้ หรือตั้งซื้อกลับเมื่อขายได้ เพราะคาดการณ์จุดขายหรือซือ้ได้ชัดเจน
คราวนี้เมื่อเข้าใจคำว่าตลาด sideway แล้วเราลองมาเช็ค SETกันนิดนึง ว่า3สัปดาห์แรกของปี54 ดัชนีในแต่ละวันทำ high low open close กันอย่างไรบ้าง ตามตารางข้างล่างนี้นะคะ
ถ้าดูจากดัชนีย้อนหลังเพื่อนๆเห็นด้วยมั๊ยคะว่าSETแกว่งขึ้นแกว่งลงออกแนวsidewayอย่างที่แม่หมอบอก แม้บางครั้งการลงที่ต่อนข้างแรงในช่วงสั้นจะดูเหมือนเป็นขาลงก็ตาม (แต่ก็ลงยังไม่จริง เด้งกลับมาที่เดิม) ........ ว่ากันด้วยเรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิคเกี่ยวกับ trend หรือแนวโน้มไปแล้ว เป็นธรรมดาที่ต้องหาข้อมูลปัจจัยพื้นฐานประกอบกันบ้างว่าเหตุไฉนSET ถึงมาเป็นsideway ระยะปานกลางและแนวโน้มลงระยะสั้นนับแต่เปิดต้นปีทั้งๆที่ปีที่แล้วเป็น up trend เพื่อนๆสงสัยกันมั๊ยคะ นอกจากเราจะคิดกันง่ายๆว่าแหม ก็หุ้นขึ้นมาเยอะแล้วก็ต้องมีลงเป็นของธรรมดา ..... ตามความคิดแม่หมอนะคะ อธิบายได้ดังนี้ค่ะ
1.หุ้นไทยปรับขึ้นมาปีที่แล้วประมาณ40.6% ขึ้นแรงรองจากตลาดอินโดนีเซีย ขณะที่เอเซียตลาดอื่นขึ้นเฉลี่ยที่25% และพอเปิดต้นปีมาเริ่มมีโบรกเกอร์ต่างประเทศบางโบรกเกอร์มองกลุ่มประเทศ TIPS ขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว และแนะลดน้ำหนักในระยะสั้น
2.ประเด็นปัญหาเงินเฟ้อของแต่ละประเทศเป็นประเด็นฮอตแอนด์ฮิต ตั้งแต่เปิดต้นปีนี้มา แต่ละประเทศก็เริ่มมีมาตรการสกัดความร้อนแรง โดยมีจีนเป็นผู้นำทั้งเรื่องการเพิ่มเพดานสำรองและการขึ้นดอกเบี้ย อันเป็นปัจจัยกดดันตลาดทั่วโลก
3.ราคาหุ้นหลายตัวในตลาดไทยสะท้อนปัจจัยบวกไปแล้ว ซึ่งพอเริ่มมีการประกาศผลประกอบการออกมา ก็กลายเป็น sell on fact ซะอย่างงั้น ซึ่งคงต้องตามดูต่อในไตรมาส1/54 ว่าผลประกอบการจะเดินหน้าโตต่อเนื่องได้หรือไม่
4.ประเด็น fund flow เป็นประเด็นที่เข้ามามีผลต่อตลาดในต้นปีนี้มากขึ้น ทั้งกองทุนภายในประเทศที่อาจโดน redeemหรือการไถ่ถอนเมื่อครบอายุจาก กองทุน LTF ในช่วงต้นปี..... หรือ กองทุนต่างประเทศที่ มีทั้ง Hedge fund และ long term fund ที่ลงทุนในตลาดบ้านเรา ที่ปีที่แล้วทั้งปีซือ้ไปเยอะมาก ปีนี้เลยอาจต้องมีการปรับพอร์ตเพื่อความเหมาะสม ....... เพราะฉะนั้น flow ของเงินอาจไหลเข้าไหลออกเร็วค่ะ และเรื่องของค่าเงินก็เป็นประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ fund flow .......... ซึ่งคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปหลังจากวันศุกร์ที่21/1/54ฝรั่ง net sell ไปกว่า7พันล้านและเงินบาทกลับมาอ่อนค่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการขายหนักของฝรั่งในวันที่ผ่านมาจะต้องขายหนักต่อในวันต่อไป อันนี้ติดตามเป็นรายวันดูประกอบกับเงินบาทดีกว่านะคะ
5.ประเด็นการเคลื่อนไหวของตลาดต่างประเทศ ยังคงมีอืทธิพลทางจิตวิทยากับตลาดไทยอยู่ค่อนข้างมากนะคะ โดยเฉพาะยามที่ตลาดไทยขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ จึงพร้อมปรับฐานได้เมื่อมีตลาดเอเซียด้วยกันนำลงอะค่ะ อ้อ และยามนี้กลุ่มTIPSมาแรง อย่าลืมดูตลาดอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ควบคู่ไปด้วยนะคะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ราคาหุ้นจะกลับมาสะท้อนสภาวะที่แท้จริงของบริษัทนั้นๆหรืออีกนัยหนึ่งSETก็จะเป็นตัวสะท้อนสภาะเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศในส่วนของภาคเอกชน แม้ว่าบางช่วงเวลาราคาอาจสูงไปหรือบางช่วงอาจต่ำไปกว่าความเป็นจริง แต่ในที่สุดแล้วก็จะกลับมาอยู่ในส่วนที่ปัจจัยพื้นฐานรองรับ .......ซึี่งภาพรวมส่วนใหญ่ยังคงมีการคาดการณ์กันว่าว่าเศรษฐกิจไทยจะแข็งแกร่งต่อเนื่องโดยมีประมาณการจีดีพีปีนี้โตที่ 4% ส่งออกโต11-14% ......จึงมองว่า SET ยังน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ sideway 978-1056 จุด เว้นแต่ว่ามีปัจจัยลบใหม่ๆเข้ามา หรือผลประกอบการไตรมาส4/53ออกมาน่าผิดหวังต่ำกว่าที่คาดการณ์ จนทำให้เกิดแรงขายและ SET หลุด978จุดลงมา นั่นถึงมองว่า SET จะเข้าสู่แนวโน้มลงหรือ down trend ค่ะ ...... ช่วงนี้ ถ้ากลัวตลาดก็พักผ่อนไปก่อนก็ได้นะคะ หรือหาจังหวะซือ้เมื่ออ่อนตัว แต่ถ้าใครติดหุ้นอยู่เป็นหุ้นพื้นฐานดี ก็รอรับปันผลในเทศกาลปันผลที่จะมาถึงเร็วๆนี้แหละค่ะ ...... อ้อเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการบินต้านลมของแมงเม่าอย่างเรา แม่หมอเลยมีเป้าหมายSETปีนี้ ของ 6โบรกเกอร์ฝรั่ง มาฝากดังนี้เลยค่ะ CITI 1060จุด JPM 1120 จุด CS1176จุด GS 1190จุด CLSA 1200จุด ML 1350จุด...... สู้สู้นะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น