พอมาประมวลเหตุการณ์ดู จึงพบว่า fundamental ทางด้านเศรษฐกิจไทย ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ...... คาดการณ์จีดีพีปีนี้ที่4-5% ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนปีนี้ก็น่าจะดีต่อเนื่อง โดยผลประกอบการไตรมาส4/53 และภาพรวมของงบปี53บริษัทส่วนใหญ่ก็ทำไปได้ดีกว่าปี52 มาก แม้ปีนี้อาจจะชะลอความร้อนแรงลงบ้างจากปีก่อนก็ตาม ........ ประเด็นการเมือง 3ม๊อบ อาจกระทบความเชื่อมั่นบ้างเล็กน้อยแต่ยังไม่มีนัยสำคัญตอนนี้นะคะ
แต่ประเด็นที่เปลี่ยนไปและเริ่มมีนัยสำคัญมีดังนี้ค่ะ........ เริ่มจากประเด็นปัญหาเงินเฟ้อที่เริ่มเห็นชัดเจนในประเทศแถบเอเซีย เราจึงเห็นมาตรการชะลอความร้อนแรงทยอยออกมาเริ่มจากการปรับดอกเบี้ยขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อและมาตรการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อและอสังหาริมทรัพย์ ชัดๆก็จีนอะค่ะ ...... และประเด็นฮอตล่าสุดก็คงเป็นเรื่องเอสแอนด์พีลดอันดับเครดิตเรทติ้งญี่ปุ่น รวมถึง มูดี้ส์ ส่งสัญญาน ว่าอาจปรับแนวโน้มเครดิตสหรัฐจาก stable เป็น negative.... และล่าสุดวันศุกร์28/1/54 DJIA ก็ปรับตัวลงแรงนะคะ หลังจากที่ตลาดเอเซียโดยเฉพาะ TIPS และอินเดียลงนำไปก่อน ก็เป็นประเด็นฮอตที่ต้องติดตามแบบไม่กระพริบตาต่อไปเลยละค่ะ.... ยุคนี้ข้อมูลเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเราต้องติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดและupdate ตลอดเวลา ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอนะคะ
มาดูทางด้านfund flow บ้าง ที่ผ่านมาฝรั่งปรับพอร์ตตลาดไทยค่อนข้างแรง ........ซึ่งเหตุผลในการปรับพอร์ตก็น่าจะมาจาก ตลาดไทยปรับขึ้นปีที่แล้ว40% มากกว่า Development Market ในเอเซียที่ขึ้นมาประมาณ25% จึงเริ่มมีการมองว่า Emerging Market ปีนี้น่าจะให้ผลตอบแทนน้อยกว่า Development Market และบางส่วนก็เริ่มมองว่าเม็ดเงินกลับไปทดลองตลาดที่สหรัฐจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาสดใสกว่าคาด(แต่ล่าสุดอาจไม่เป็นอย่างนั้นแล้วนะคะ) ...... การลดพอร์ตตลาดเอเซียจึงเห็นได้ชัดในกลุ่ม TIPS คือไทย อินโดและฟิลลิปปินส์ รวมไปถึงอินเดียด้วยนะคะ...... ซึ่งการปรับตัวลงจากต้นปีของดัชนีไทยจะใกล้เคียงกับอินโดคือปรับลงมาประมาณ7% จากต้นปี........ แม่หมอก็เลยถือโอกาสเอาตัวเลข fund flowย้อนหลังของSETรายปีมาให้เพื่อนๆศึกษากันดังนี้เลยนะคะ
เพื่อนๆพอเห็นภาพแล้วใช่มั๊ยคะว่ากองทุนต่างชาติมีอิทธืพลกับตลาดบ้านเราขนาดไหน..... นอกจากนั้นแล้วยังมีเม็ดเงินจากกองทุนไทย และพอร์ตโบรกเกอร์ รวมไปถึงรายใหญ่ๆในตลาด ที่ส่งผลกระทบกับความเคลื่อนไหวของ SET อะค่ะ......นอกจาก fund flow fundamental ก็ยังมีเทรนด์ตลาดเอเซียและตลาดโลกที่ส่งผลทางจิตวิทยากับตลาดไทย ...... แต่สุดท้ายดัชนีหรือหุ้นรายตัวนั้นๆ ก็จะกลับมาที่จุดที่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานอยู่ดี เพราะฉะนั้นแมงเม่าอย่างเราคงต้องจ้องหาจังหวะซื้อเมื่อแรงขายออกมามากเกินเหตุราคาหุ้นเริ่มลงมาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน และหาจังหวะขายเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้นแรงติดต่อกัน
คราวนี้เรามาดูกันว่าSETน่าจะเป็นยังไงต่อไปกันดีมั๊ยคะ......หลังจากที่SET หลุด1000จุดลงไปทำ low ที่950 จุด มีรีบาวด์กลับมาที่ 987จุด และมีถอยอีกครั้งในวันศุกร์สุดท้ายของเดือนมค ลงไปทำ lowที่973 จุดก่อนปีนขึ้นมาปิดได้ที่ 981 จุด ......... ว่ากันตามเทคนิคดังนี้เลยค่ะ
SETหลุดแนวรับกรอบ sidewayมาราธอน 978-1056 จุดลงมาทำlowที่950จุดเมื่อวันที่ 25/1/54 แล้วเด้งกลับไปทำ highที่987จุดเมื่อ 27/1/54 .......... มองได้2อย่างคือ1. เป็นรีบานด์ในแนวโน้มลงรอบใหม่ หรือ2.อาจเป็นการหลุดกรอบ sideway ชั่วคราว ก่อนกลับไปsideway ใหม่อีกครั้ง โดยกรอบล่างได้ขยับถอยลงมาที่950จุด และมีจุดวัดใจที่978 จุดหรือกรอบล่างเดิม........ แม่หมอมองว่าถ้าSET ไม่หลุด950จุด ขึ้นลงเกาะแนว978จุด ก็น่าจะเป็น sideway ได้นะคะ แต่หากแรงขายออกอีกรอบและSET หลุด950จุด ก็เป็นการconfirm ว่าSET เลือกที่จะลงต่อ โดยมองแนวรับประมาณ 920จุด ที่เป็นแนวเส้นค่าเฉลี่ย200วันทางเทคนิคค่ะ
เพราะฉะนั้นระหว่างที่SETผันผวน แต่ยังไม่หลุด950จุด ........ เพื่อความปลอดภัย จึงน่าจะใช้วิธีตั้งรับเมื่อหุ้นปรับลง โดยเลือกตัวที่แข็งแกร่งกว่าตลาด คาดผลประกอบการดีมีสตอรี่รออยุ่ข้างหน้า และถ้าเลือกตัวที่เช็คได้ว่ามี flow ต่างชาติซือ้เข้ามาก็ยิ่งเริ่ดใหญ่ ( หาอ่านได้ในหุ้นมีข่าวทั้งเช้า บ่ายนะคะ) ........อ้อ แล้วอย่าลืมขายเมื่อรีบาวนด์ด้วยนะคะ ทำรอบสั้นเพื่อความปลอดภัยน่าจะดีที่สุดค่ะ .......... แต่ถ้าSET หลุด950จุดเมื่อไหร่ นั่นคือSET เลือกทางลง ให้ถอยลึกไปรอแนวรับต่อไปของแนวโน้มลงคือประมาณ920จุดนะคะ
แม่หมอเลยมีการเลือกหุ้นยามดัชนีผันผวนมาฝากเพื่อนๆค่ะ ......ภาวะอย่างนี้ซื้อกันแบบปาเป้าเหมือนปีก่อนไม่ได้แล้วนะคะ .... วิธีเลือกหุ้นของแม่หมอมีดังนี้นะคะ 1. เลือกตัวที่ราคาแข็งแรงกว่าตลาด (ตลาดลงเยอะหุ้นตัวนั้นลงน้อยหรือไม่ลง) เลือกตัวที่เป็นหุ้นมวลชนหน่อยก็ดีค่ะ(volติด top20) ...... 2. ได้ตัวหุ้นที่คิดว่าราคาแข็งแรงแล้ว ก็มาหาข่าว ถ้ามีกำไรที่ดีหรือคาดกำไรดีมาก พีอีไม่สูง มีสตอรี่ดีรออยู่ข้างหน้า โบรกเกอร์ให้เป้าหมายสูง ก็เข้าเค้าเลยละค่ะ ........ 3. มาด่านสุดท้าย กดกราฟดูซักนิดว่า ตอนนี้ระดับราคาเป็นอย่างไร เกิดสัญญานซือ้หรือขาย หรือลงมาที่แนวรับ/ ขึ้นไปติดแนวต้านหรือไม่ แล้วเราก็กำหนดราคาที่จะซือ้ไว้พร้อมเลยก็ดีนะคะ ......... ทั้งหมดนี้เค้าเรียกการทำการบ้านค่ะ อ้ออาจสลับข้อ1/2/3 ไปมาได้ตามใจชอบนะคะ แต่ควรต้องทำทั้ง3ข้อค่ะ .... ที่แอบบอกก็เพราะว่า เราเป็นเพื่อนกัน แล้วก็จะเป็นเพื่อนกันตลอดไป .... รักนะ จุ๊บๆ แม่หมอ(คนเดิม)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น