สวัสดีค่ะเพื่อนๆขา....

แม่หมอสาวคุยข่าวหุ้นยังคงเป็นเพื่อนร่วมทาง(การลงทุน)เพื่อนๆเหมือนเดิม โดยนำเสนอ หุ้นมีข่าว เช้าบ่าย ค่ำ อยู่เป็นเพื่อนกันตลอดวัน ตลอดคืน .......แถมวันเสาร์มีเสริมบารมีนักลงทุนมานำเสนอเพื่อความเฮงด้วยนะคะ .... ส่วนวันอาทิตย์เป็นความรู้เกี่ยวกับตลาดหุ้นในหัวข้ออ่านหมากตลาดหุ้นค่ะ .... สำหรับข่าวเรียลไทม์ ขอสงวนสิทธิ์ให้เฉพาะสมาชิคเท่านั้นนะคะ ซึ่งเพื่อนๆสามารถติดต่อขอเป็นสมาชิคได้ที่ magicstocknews @gmail.com หรือ 086-8673392 ค่ะ


*

วันเสาร์

ทิศทางตลาดหุ้นไทยปี54ในมุมมองของ6โบรกเกอร์

สวัสดีวันอาทิตย์ค่ะเพื่อน สัปดาห์หน้าSETมีลุ้นทดสอบ1050จุด ใหม่อีกครั้งหลังจากขึ้นไปแตะแล้วยังยืนไม่ได้ในปลายสัปดาห์แรกของ พย 53.......ที่ทั้งสัปดาห์แรลลี่รับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ2ของสหรัฐ .......  ประเด็นหลักของการขึ้นลงของดัชนีต่อจากนี้ยังน่าจะอยู่ที่ fund flow ซึ่งที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับบาทที่ยังแข็งค่า..... แต่ล่าสุดสมาคมนักวิเคราะห์ออกมาเคาะเป้าดัชนีสิ้นปีนี้ที่ 1038จุดนะคะ ประกอบกับจะมีการตัดสินยุบพรรคประชาธิปัตย์ปลายเดือนนี้ .... ยังไงเพื่อนๆ ก็ระมัดระวังแรงขายทำกำไรกันหน่อยแล้วกันนะคะ......  ส่วนผลประกอบการอาทิตย์หน้าน่าจะทยอยออกมา จนถึงวันที่ 15/11/53ละค่ะ ..... วันนี้แม่หมอเลยมีมุมมองของ6 โบรกเกอร์เกี่ยวกับทิศทางตลาดหุ้นปี54มาฝาก ซึ่งได้มาจาก คัมภีร์หุ้นปี54ในหนังสือข่าวหุ้นธุรกิจ.... เพื่อนๆก็ลองอ่านพอเป็นไอเดียนะคะ ดังนี้เลยค่ะ

บล.ทิสโก้ ปี54 เศรษฐกิจโลกสดใส หุ้นเอเซียวิ่งกระฉูด

 กลุ่มแบงค์ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มที่เกี่ยวกับโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานของภาครัฐยังคงเป็นดาวเด่น นักลงทุนสามารถเข้าไปลงทุนได้ต่อเนื่องจากปี53........... นำทีมโดย KBANK SCB MINT SCC

 สำหรับปัจจัยบวกที่จะเข้ามาเสริมทัพตลาดหทุนให้สดใสมากขึ้นน่าจะมาจากความชัดเจนทางด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าการถดถอยทางเศรษฐกืจจะไม่เกิดขึ้นอีก  เนื่องจากธนาคารกลางของยุโรปและอเมริกาเตรียมออกมาตรการประคองภาวะเศรษฐกิจโดยเตรียมอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบการเงินมากขึ้น ..... ส่วนอีกปัจจัยบวกที่ช่วยกระตุ้นความแข็งแกร่งให้กับตลาดทุนเอเซียก็คือทิศทางการลงทุนต่างๆของจีนน่าจะปรับตัวดีขึ้นและเข้าสู่ภาวะปกติ .....คาดปีหน้านักลงทุนต่างประเทศยังคงสนใจตลาดเอเซีย ขณะที่สัญญานการเติบโตของเศรษฐกิจไทยยังคงมีทิศทางที่ดีต่อเนื่องสำหรับปัญหา มาบตะพุด 3จี และประเด็นกการเมือง บางประเด็นก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว

ส่วนปัจจัยลบในปีหน้า ปัจจัยต่างประเทศ การเสริมสภาพคล่องของธนาคารกลางหากมีจำนวนที่มากไปอาจเกิดความเสี่ยงในอนาคตได้ .... ปัจจัยลบในประเทศ คือมูลค่าหุ้นมีราคาไม่ถูกเหมือนช่วงที่ผ่านมา อาจทำให้นักลงทุนหวาดวิตกว่าตลาดไทยจะดีเหมือนช่วงที่ผ่านมารือไม่ ทำให้นักลงทุนเหล่านี้อาจมองหาโอกาสการลงทุนในตลาดอื่นเช่น จีน ฮ่องกง เกาหลี ไต้หวันแทน

บล.ธนชาต  ดัชนีปี54 แตะ 1150จุด

ตลาดไทยได้รับแรงผลักดันจากฟันด์โฟลว์ที่ยังไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มองหุ้นกลุ่มธนาคาร พลังงานและวัสดุก่อสร้าง จะมีความเคลื่อนไหวคึกคักมากที่สุดและได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจขยายตัว การขยายตัวดังกล่าวน่าจะต่อเนื่องไปอีก3ปีข้างหน้า

ส่วนประเด็นที่เม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้าตลาดหุ้นไทย มาจากภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นแล้วยังมาจากความเสี่ยงจากกลุ่มประเทศจี3อันประกอบด้วย สหรัฐ ญี่ปุ่นและอียู ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินมายังตลาดเอเซีย

สำหรับหลักทรัพย์ที่น่าสนใจได้แก่ AOT BBL KBANK CPALL CPF LPN SCC THAI

บล.คันทรี่กรุ๊ป  ปี54 กำไรบมจโต24-28%

ปี53 เป็นปีแห่งการฟื้นตัวหลายๆด้าน โครงสร้างเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่ง จีดีพีปี53อาจโตได้มากกว่า7%ซึ่งสูงสุดในรอบกว่า10ปี ปัจจัยหลักมาจากการส่งออกที่ขยายตัวมากกว่า20% ขณะที่การบริโภคกลับมาดีขึ้น เม็ดเงินนักลงทุนต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่องและผลประกอบการบจ ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ผลประกอบการรอบ6เดือนขยายตัวสูงถึง 34%

แนวโน้มปี54 ยังมีทิศทางใกล้เคียงกับปี53 ความสามารถทำกำไรของบจ ยังอยู่ในระดับสูงคาดการเติบโตอยูี่ที่ระดับ24-28% จึงเน้นกลยุทธ์ เลือกลงทุนรายบริษัท single stock selection ดังนี้  PTTEP ราคาพื้นฐาน 174บาท KTB ราคาพื้นฐาน 17.10บาท  MAJOR ราคาพื้นฐาน 16 บาท  SIAM ราคาพื้นฐาน 5.5บาท DEMCO ราคาพื้นฐาน 7.1บาท กลุ่มรับเหมาก่อสร้างเป็นกลุ่มที่น่าลงทุนอย่างมาก แนะนำให้ลงทุนใน ITD(4.89บาท) CK(11.45บาท) TTCL(12.3บาท)  SPALI ราคาพื้นฐาน15บาท AH ราคาพื้นฐาน 18.62บาท

บล.ทรินีตี้  เงินต่างชาติลุยอีก3หมื่นล้าน

มองตลาดหุ้นปีหน้า เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าไทยอีกไม่ต่ำกว่า3หมื่นล้าน พร้อมแนะนำการลงทุนในกลุ่มบิ๊กแคปที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ เป้าหมายของดัชนีมองที่ 1100 จุด และอาจมีการปรับฐานลงมาแถว 880 +- โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดปรับขึ้นไปได้นั้นน่าจะมาจาก external factors คือการอ่อนค่าของเงิยดอลล่าร์ emerging currency index ยังคง uptrend จะทำให้ต่างชาติยังคง net buy ในบ้านเราต่อ

กลุ่มที่มี pattern แข็งแรงกว่าตลสดโดยรวมคือกลุ่มปิโตรเคมี รับเหมาก่อสร้าง และนิคมอุตสาหกรรม รวมถึง energy bank prop food(agri) และโรงพยาบาลบางตัว


บล.ไทยพาณิชย์  ปี54บจ.กำไรเพิ่มขึ้น15%

ขณะที่กลุ่มที่น่าสนใจได้แก่ พลังงาน ธนาคาร วัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะผู้ประกอบการเหล็กจะได้รับอานิสงค์จากโครงการเมกะโปรเจคต์ของรัฐบาล ทั้งรถไฟฟ้า รวมถึงอุตสาหกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์

ประเด็นแรกที่จะเป็นตัวชี้วัดตลาดหุ้นไทยในปี54คือ สภาพคล่อง สถานการณ์การเงินโลกยังอึมครึมอยู่ เชื่อว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยครึ่งหลังปี54  ปัจจัยที่สองคือเศรฐกิจปี54 ผลประกอบกำารภาพรวมน่าจะยังโตต่อ15%  สำหรับทิศทางดอกเบี้ยน่าจะเป็นขาขึ้น เนื่องจากธนาคารได้ประโยขน์จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย แต่อาจยังไม่ชัดเจนเรื่องค่าธรรมเนียมแต่เชื่อว่าน่าจะมีทางออกที่ดีทั้ง ธปทและธนาคารพาณิชย์

บล.ฟินันเซียไซรัส  ปี54ดัชนี1100จุดขึ้น domestic plays มาแรง

ตลาดTIPsเป็นตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในเอเซียในปี53 ขณะที่เศรษฐกิจเอเซียกลับโดดเด่นกว่าสหรัฐและยุโรป จึงประเมินเป้าหมายSETที่1100จุด บนสมมุติฐานการขยายตัวของกำไรบจที่14% อิงพีอี14เท่า  ธุรกิจที่กำไรน่าประทับใจจะเป็นกลุ่ม domestic plays เช่นรับเหมาก่อสร้าง (+115%จากฐานกำไรที่ต่ำตลอด4ปีที่ผ่านมา กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (25%) กลุ่มนิคม(+38%)กลุ่มค้าปลีก(+19%) กลุ่มแบงค์(+14%) กลุ่มปิโตร(+58% โดยเฉพาะPTTCHที่มีการขยายกำลังการผลิต)

กลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้างน่าสนใจ STECK SCC TASCO TSTH DCC  ขณะที่กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่น่าสนใจคือ BANPU PTTEP PTTCH

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

Powered By Blogger